บริษัทตระหนักดีว่าความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้มีการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการรับสมัครงาน จึงดำเนินการด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการเก็บรักษาและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัย และเพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ("พ.ร.บ.") บริษัทจึงจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบและเข้าใจสิทธิของท่านตามกฎหมาย รวมทั้งเหตุผลที่บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิใดๆ ของท่าน

1. 1. ขอบเขตและวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม และใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล
   • ข้อมูลผู้สมัครงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น อายุ หมู่เลือด รูปถ่าย ลายมือชื่อ น้ำหนัก ส่วนสูง ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ อีเมล์ วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด เพศ สัญชาติ ศาสนา เชื้อชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ประวัติการทำงาน รายได้จากที่ทำงานปัจจุบัน ความสามารถทางภาษา ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ประวัติการกระทำความผิด/ประวัติอาชญากรรม ประวัติสุขภาพ ประวัติการเกณฑ์ทหาร ความสามารถในการขับขี่รถยนต์ ข้อมูลเกี่ยวกับการครอบครองยานพาหนะ ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ สถานภาพการสมรส การจดทะเบียนสมรส ชื่อบัญชี Facebook และ Line ID
   • ข้อมูลครอบครัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ อาชีพ เบอร์ติดต่อ และข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและนายจ้างปัจจุบันของ คู่สมรส บิดามารดา และพี่น้องร่วมบิดา/มารดา จำนวนบุตร และข้อมูลรายได้ของคู่สมรส (ถ้ามี)
   • ข้อมูลบุคคลที่ติดต่อได้ บุคคลอ้างอิง และการแนะนำผู้มาสมัครงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลการติดต่อ และความสัมพันธ์กับผู้สมัครงาน
   • ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีฝึกงาน เช่น ชื่อโครงการที่ฝึกงาน ชื่อสถานศึกษา ระดับการศึกษา คณะ/ภาควิชา/ แขนงสาขา-สาขางาน ชื่อนามสกุลและเบอร์ติดต่ออาจารย์ผู้รับรอง ข้อมูลบัตรนักศึกษา ประเภทการฝึกงานที่มีความประสงค์ ระยะเวลาในการฝึกงาน ประวัติการฝึกงาน เบี้ยเลี้ยงที่ได้รับ และความสามารถพิเศษ
   • ข้อมูลในเอกสารต่างๆ ที่ท่านได้ยินยอมมอบให้แก่บริษัทเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจ้างงาน และเอกสารส่วนบุคคลอื่นๆ ของผู้สมัครงาน เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา/การฝึกอบรม ปริญญาบัตร ใบอนุญาตขับขี่ ทะเบียนสมรส/หย่า ใบเปลี่ยนชื่อสกุล ใบผ่านทหาร หนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง (กรณีสมัครฝึกงานหรือทำงานโดยบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) ใบอนุญาตทำงาน บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร บัตรผู้ประกันตน แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน หนังสือเดินทาง (สำหรับพนักงานชาวต่างชาติ) หนังสือลาออก หนังสือรับรองการทำงาน และ หนังสือรับรองเงินเดือน
   • ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน วันเริ่มงาน /วันที่ลาออก ตำแหน่งงาน ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการพ้นสภาพการเป็นพนักงาน และประวัติการกระทำความผิดทางวินัย
   • ข้อมูลที่เก็บรวบรวมและจัดเก็บโดยระบบและอุปกรณ์ของบริษัท ได้แก่ กล้องวงจรปิดภายในอาคารสถานที่ของบริษัท ข้อมูลการสัมภาษณ์ออนไลน์ และข้อมูลอิเลคทรอนิคส์ที่จัดเก็บโดยอุปกรณ์ใดๆ ของบริษัท
   • ข้อมูลสุขภาพ ได้แก่ ผลการตรวจโรค หรือใบรับรองสุขภาพ รายละเอียดเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์ โรคประจำตัว ความพิการ และความบกพร่องทางร่างกายอื่น
   วัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
   • เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาคุณสมบัติ และความเหมาะสมในการจ้างงาน โดยบริษัทหรือบริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทในเครือ
   • เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของบริษัท
   • เพื่อการติดต่อผู้สมัครงาน และ/หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีความจำเป็นฉุกเฉินใดๆ
2. 2. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลภายนอก บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุในข้อ 1 ให้กับบุคคลภายนอกเพื่อการดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้
   2.1 บริษัทย่อยในกลุ่ม และบริษัทในเครืออื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกรรมการ พนักงาน หรือตัวแทนของบริษัทที่เกี่ยวข้อง หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทในเครือ
   
   • ข้อมูลที่เปิดเผยและวัตถุประสงค์: ตามที่ระบุในข้อ 1
   2.2 ผู้รับโอนสิทธิ และหรือหน้าที่จากบริษัท ในกรณีที่บริษัทประสงค์จะโอนสิทธิและหน้าที่ของบริษัท รวมถึงการโอนกิจการ/ควบรวมกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด การควบรวมกิจการ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท กรณีซื้อขายโอนและดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
   • ข้อมูลที่เปิดเผย: ข้อมูลตามที่ระบุในข้อ 1
   • วัตถุประสงค์: เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาคุณสมบัติ และความเหมาะสมในการจ้างงาน โดยบริษัทหรือบริษัทในเครือ
3. 3. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล
   • กรณีที่ 1 : ท่านได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำงาน/ฝึกงานกับบริษัท หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทในเครือ บริษัทจะเก็บข้อมูลของท่าน ตลอดระยะเวลาที่ท่านทำงาน/ฝึกงานกับบริษัท และต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่สิ้นสุดสภาพการจ้าง/การฝึกงาน เพื่อเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
   • กรณีที่ 2 : ท่านไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงาน/ฝึกงานกับบริษัท หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทในเครือ บริษัทจะเก็บข้อมูลของท่านต่อเนื่องนับจากวันที่ทราบผลครั้งล่าสุดต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี
4. 4. ช่องทางการติดต่อ หากท่านมีคำถามหรือข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท
5. 5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ท่านสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท
   

   5.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมสำหรับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจากท่านตามหนังสือขอรับความยินยอมของท่านได้ทุกเมื่อ 5.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บไว้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ ทั้งนี้โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด 5.3 สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง) ในกรณีนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ 5.4 สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ การโอนย้ายหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อนี้ หมายถึงกรณีที่ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการส่งต่อนั้นสามารถทำได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ไม่รวมถึงการให้บริษัทเป็นผู้นำส่ง หรือจัดส่งข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอื่น 5.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีต่อไปนี้ (1) หากการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บ รวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล(เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ (2) กรณีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง 5.6 สิทธิในการขอให้บริษัททำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยได้ให้ไว้กับบริษัทกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์ (2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น (3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ (4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 5.7 สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (2) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ (4) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 5.8 สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ 5.9 สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.บ. ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัท และ/ หรือลูกจ้างของบริษัทมีการดำเนินการใดๆ ที่ฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ ตามที่รายละเอียดที่ปรากฏใน ข้อ 4 ของหนังสือฉบับนี้ อนึ่ง โปรดทราบว่าเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิใดๆ จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะพิจารณาคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นกรณีที่การใช้สิทธินั้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย หรือหากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้